คุณศรีเรือน อายุ 34 ปี มีอาชีพเปิดร้านอาหารและรับจัดเลี้ยงอาหาร
ตามลานประชุมต่างๆ เนื่องจากกิจกรรมค่อนข้างดีจึงยุ่งตลอดเวลา เมื่อ 3 ปีก่อน
คุณศรีเรือนเคยตั้งครรภ์และคลอดปกติมาแล้ว 1 ครั้ง โดยไม่มีปัญหาอะไร
แม้จะไปฝากครรภ์กับหมอบ้างไม่ฝากบ้างก็ตาม
เมื่อปลายปีที่แล้ว คุณศรีเรือนเริ่มตั้งครรภ์ใหม่อีกครั้งหนึ่ง
จึงไปฝากครรภ์กังหมอที่คลินิก หมอตรวจดูแล้วไม่พบปัญหาหรือความผิดปกติอะไร
และคะเนว่าคุณศรีเรือนน่าจะคลอดประมาณวันที่ 1 พฤษภาคม 2544
แล้วนัดให้มาตรวจครรภ์ตามนัด แต่คุณศรีเรือนก็ไปตามนัดบ้าง ไม่ไปบ้าง
เนื่องจากไม่ค่อยว่าง และในระยะหลังก็แทบไม่ได้ไปเลย ด้วยรู้สึกว่าตัวเองก็สบายดี
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2544 ซึ่งเลยวันที่หมอคะเนไว้ว่าน่าจะคลอด
มาถึง 2 สัปดาห์แล้ว คุณศรีเรือนก็ยังไม่เจ็บท้อง แต่รู้สึกว่าลูกไม่ค่อยดิ้นเลย
ทั้งที่ตามปกติจะดิ้นดีทุกวัน คุณศรีเรือนจึงตัดสินใจไปหาหมอ
ภายหลังการตรวจร่างกายและตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวนด์
รวมทั้งเครื่องทดสอบการเต้นของหัวใจเด็กในท้อง หมอพบว่าน้ำคร่ำในมดลูก
มีปริมาณน้อยลงมาก หัวใจของเด็กก็เต้นช้ากว่าปกติเมื่อเด็กมีการเคลื่อนไหว
จึงลงความเห็นว่าลูกของคุณศรีเรือนน่าจะไม่ค่อยแข็งแรง และอาจเป็นอันตรายได้
ถ้ายังปล่อยให้อยู่ในท้องต่อไป ทั้งคุณศรีเรือนก็ยังไม่เจ็บครรภ์ ปากมดลูกยังคงปิด
ถ้าจะให้ยาเร่งคลอดก็ไม่น่าจะสำเร็จ จึงพิจารณาผ่าตัดคลอดเลย
จากการผ่าตัดพบว่า ลูกของคุณศรีเรือนที่ออกมามีผิวค่อนข้างเหี่ยว ผม
และเล็บยาว ไม่ค่อยร้อง ในปากและจมูกมีน้ำคร่ำสีเหลืองปนเขียวและข้น
เหนียวมากไหลออกมา หมอเด็กต้องใช้สายยางขนาดเล็กดูดออกหลายครั้ง
หลังจากนั้นเด็กยังคงหายใจไม่ดี ต้องอยู่ในหอผู้ป่วยหนังและรับการรักษา
อยู่นานประมาณ 1 เดือน จึงกลับบ้านได้ โดยหมอเด็กให้การวินิจฉัยว่า
เด็กมีการสำลักน้ำคร่ำและมีการติดเชื้อในปอด ส่วนตัวคุณศรีเรือนเอง
ไม่มีปัญหาอะไรหลังการผ่าตัด
ชื่อผู้ป่วย สถานที่ และเหตุการณ์ในตัวอย่างเป็นสิ่งที่สมมติขึ้น
อย่างไรก็ตามเค้าโครงของเรื่องนำมาจากเหตุการณ์จริงทั้งสิ้น
|