clinicrak.com   คลินิกรัก
วัย 13 : ต่อยอดความกระตือรือร้น


เรารู้จักวัยสิบสามไปแล้วหลายตอน ไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการทางร่างกาง ทางอารมณ์ สังคม และพัฒนาการทางสติปัญญา คุณพ่อคุณแม่คงพอจะเห็นว่า แม้วัยนี้จะเป็นวัยถดถอยเก็บตัว อารมณ์ยังคุกรุ่นเหมือนภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ พร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ ถ้าสถานการณ์ภายนอกเอื้ออำนวย แต่เขาก็สับสนกับตัวเอง…ดูแล้วเป็นวัยที่อยู่ด้วยไม่ง่ายเท่าไรวัยหนึ่ง

แต่หากพิจารณารายละเอียดในด้านอื่นๆ ประกอบ ก็จะเห็นว่ามันเป็นการถดถอย เพื่อเข้าไปตั้งหลัก ก่อนที่จะก้าวออกสู่โลกกว้างอย่างเป็นตัวของตัวเองในช่วงต่อไป

ข้อดีของวัยสิบสามที่เราเห็นกันชัดๆ ก็คือ เขาเริ่มพัฒนาความเป็นตัวเองขึ้น ไม่ว่าทางร่างกาย บุคลิกลักษณะ ท่าที การแต่งเนื้อแต่งตัว…เริ่มวัยนี้แหละค่ะ ในด้านความคิดอ่าน เขารู้จักคิดวิเคราะห์วิจารณ์ ถึงจะใช้เหตุผลแบบของตัวเอง แต่เขาก็มีการเรียนรู้ที่จะแยกแยะ ในด้านสังคมแม้จะไม่สงบสุขกับครอบครัวตัวเองนัก เบื่อแม่ เซ็งพ่อและรำคาญน้อง แต่เขาก็เรียนรู้ที่จะอยู่กับคนอื่น (นอกบ้าน) ได้ดีขึ้น มีเพื่อนที่รู้ใจ เป็นกลุ่มเล็กๆ กับคุณครูที่เข้ากันได้ เขาจะเป็นเด็กที่น่ารักของคุณครูเลยทีเดียว

ที่สำคัญ วัยนี้จะไม่ใช่วัยถดถอยแบบหดหู่ นิ่งซึม แต่โดยทั่วไปพ่อแม่จะยอมรับว่า พวกเขาแอ็กทีฟ กระตือรือร้นต่อการทำสิ่งต่างๆ ไม่อยู่นิ่ง ดังนั้นจึงมีประเด็นบางอย่างที่น่าสนใจ เกี่ยวกับพัฒนาการของเด็กวัยสิบสามอีกบางส่วนที่ขออนุญาตหยิบยกมาพูดกันเป็นการส่งท้าย นั่นคือเรื่องราวของกิจกรรมที่เด็กสิบสามมักจะสนใจ

เพราะวัยนี้ไม่ชอบอยู่นิ่ง เขาชอบหยิบจับ หรือสนใจทำสิ่งต่างๆ มากพอสมควร พ่อแม่เราจึงน่าจะหยิบเอาเรื่องนี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ การส่งเสริมให้ลูกสนใจกิจกรรมต่างๆ ที่หลากหลายและถูกใจเขา นอกจากจะช่วยให้เขาคลี่คลายความรู้สึกอึดอัดเก็บตัวของวัยนี้ ให้ผ่านออกไปทางกิจกรรมแล้ว ยังเป็นช่องทางที่อาจจะรักษาความสัมพันธ์ของพ่อแม่ลูก ให้อยู่ใกล้ๆ กัน ไม่ห่างกันจนเกินไปนัก รวมทั้งเป็นการสะสมความรู้ความสามารถของเขา ผ่านกิจกรรมที่เขาชอบไปด้วย

เลิกสนใจเรื่อง แบบเด็กๆ

ก่อนหน้านี้เขาอาจจะชอบอ่านหนังสือนิทาน วรรณกรรมเด็ก ชอบเล่นเลโก้ หรือเอาตุ๊กตามาเล่น แต่มาบัดนี้เขาจะมองว่า นั่นมันเรื่องเด็กๆ เขาไม่สนใจแล้ว ของเล่นที่มีบางทีก็ยกให้คนอื่นไป การ์ตูนทีวีกับเสื้อผ้าลวดลายแบบการ์ตูน เช่น ไลอ้อนคิง ดิสนีย์ ฯลฯ ตอนนี้ไม่เอาแล้ว เขาว่า หน่อมแน้ม คิขุ เกินไป

ซึ่งที่จริง จะว่าเขาเลิกสนใจไปเลยก็หาไม่ บางทีก็ยังแอบไปเล่น ไปสัมผัสลูบคลำของเล่น หรือหนังสือพวกนั้นอยู่บ้าง เขาไม่ได้ตัดขาดจากโลกของความเป็นเด็กไปเลยเสียทีเดียวหรอกค่ะ เพียงแต่มันน้อยลง และเขาไม่อยากเปิดเผยว่าเขายังมีอารมณ์แบบเด็กๆ ตกค้างอยู่ให้คนเอ็นดู

ง่วนได้ทั้งวัน

ถ้าเขาเลือกได้ในสิ่งที่เขาสนใจแล้ว เขาจะเอาเรื่องเอาราวกับมันมาก ยุ่งกับกิจกรรม ตรงนั้นทั้งวัน เช่น ถ้าเด็กผู้ชายสนใจโมเดลรถ เขามักจะค้นคว้าเรื่องโมเดลรถแข่ง หาหนังสือมาอ่านประกอบ คอยไปสอดส่องซอกซอนหาอุปกรณ์ หรือเข้ากลุ่มเพื่อนที่สนใจคล้ายๆ กัน ส่วนเด็กผู้หญิงที่มักชอบงานประดิษฐ์ก็จะหาหนังสือ เครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์ ฯลฯ มาเต็มที่

ที่แน่ๆ วัยนี้แหละที่จะเริ่ม บ้ากีฬา ติดตามสโมสรที่เขาชื่นชอบ ตามอ่านข่าว จากหน้าหนังสือพิมพ์ รายกายทีวี ติดรูปนักกีฬาคนโปรดของเขาและเธอไว้ตามฝาห้อง ฯลฯ
ส่วนกิจกรรมงานสะสม ไม่ว่าจะเป็นแสตมป์ เหรียญ การ์ดโทรศัพท์ ฯลฯ ที่เคยคลั่งไคล้… วัยนี้จะลดลงไม่สนใจแล้ว เหรียญ การ์ด สแตมป์ที่เคยสะสมเกลื่อนไปหมด ไม่มีความหมาย…

แยกกิจกรรมเพศใครเพศมัน

กิจกรรมระหว่างเด็กหญิง-ชาย จะแยกกันชัดเจนขึ้นในช่วงนี้ ใครสนใจอะไร ก็จะพุ่งไปทางนั้นชัดเจนขึ้น เด็กผู้หญิงวัยสิบสามมักไปทางเย็บปักถักร้อย วาดภาพ ศิลป เขียนบทกวี เขียนหนังสือ ดนตรี เต้นรำ แล้วก็เม้าธ์ คุยทางโทรศัพท์
ส่วนเด็กผู้ชายไปทางเทคนิคมากขึ้น เช่น การถ่ายรูป ต่อโมเดล ประดิษฐ์อุปกรณ์ งานช่าง
เด็กผู้ชายวัยนี้จะมีสายตาที่แหลมคม ช่างสังเกต ใช้สายตาได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ

กับสื่อสารมวลชน

เรื่องน่ายินดีก็คือ ลูกวับสิบสามทั่วไปมักจะดูโทรทัศน์น้อยลง ที่เคยติดละคร หรือเกมโชว์งอมแงมมาจากช่วงก่อน จะลดลงไป หันไปฟังวิทยุมากขึ้น แถมยังกล้าที่จะโทร. เข้าไปร่วมเจ๊าะแจ๊ะ ออกความคิดเห็นกับดี.เจ.ได้…ไม่กลัวไม่เขิน

ทั้งเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงวัยสิบสามจะใช้โทรศัพท์มากขึ้น โทร.กันได้นานสองนาน ที่น่าเป็นห่วงคือ อ่านหนังสือน้อยลง เพราะเขามีเรื่องอื่นให้ทำมากขึ้น ที่ร้ายบางคน หยุดอ่านหนังสือไปเป็นช่วงนานๆ เลย

อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะสนใจข่าวสารข้อมูลในหนังสือพิมพ์มากขึ้น ส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นหน้าหนึ่ง หน้ากีฬา แล้วก็เรื่องขำขัน ขณะเดียวกันก็อ่านนิตยสาร (แม็กกาซีน) มากขึ้น จำพวกวิทยาศาสตร์ กีฬา หรือในเรื่องที่เขาสนใจ

เล่นแบบคนโตๆ

กิจกรรมวิ่งเล่นไล่จับ ดึงเสื้อผ้ากัน ปลุกปล้ำกันจนมอมแมมในโรงเรียนหรือตามสนาม ข้างบ้านจะน้อยลง ส่วนใหญ่จะยืนจับกลุ่มกันในพวกเพื่อนเพศเดียวกัน ในโรงเรียนหรือตามชุมชน จะยืนท่าทางเรียบร้อยอยู่ ถ้าจะเล่นกันอย่างมากก็ผลักแขนกันไปมา หรือกอดคอกันเดิน อยากให้คนดูกลุ่มตัวเองเป็นกลุ่มผู้ใหญ่

ถ้าต่างเพศกันยังไม่ลงตัวกันเท่าไร ไม่ค่อยเกาะกลุ่มกันชัดๆ นอกจากบางคนที่จะเริ่ม มีอาการชายหนุ่ม-หญิงสาว ขึ้นมาเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่ยังค่ะ

มีการเขียน-บันทึก

จากการอ่านหนังสือ ถ้าปูพื้นฐานมาดี แม้วัยนี้จะเป็นวัยที่อ่านหนังสือลดลงไป แต่วัยนี้จะชอบ เขียนมากขึ้น เขาหรือเธอมักเขียนเรื่องตัวเอง และชอบอ่านที่คนอื่นเขียนเกี่ยวกับตัวเอง หลายคนเริ่มสนใจเขียนจดหมายถึงเพื่อนทางไปรษณีย์ (pen pal) ยุคนี้บางคนไปแสดงออก ด้วยการเข้าไปแช็ต (chat) ในห้องอินเตอร์เน็ต

แต่ประโยชน์จากการเขียนจดหมายต่างจากการแช็ตตรงที่ การเขียนจดหมายนั้น เด็กจะได้คิด เรียบเรียงความคิดตัวเองออกมาเป็นลำดับ ก่อนที่จะเรียบเรียงภาษาให้น่าอ่าน ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมที่มีความหมายต่อการพัฒนาการเรียนรู้และทักษะการเขียนสำหรับลูก

ดังนั้น ถ้าคุณพ่อคุณแม่ส่งเสริมให้ลูกมี มิตรทางไปรษณีย์ก็จะเป็นเรื่องดี และถ้าเป็นชาวต่างชาติ ก็จะได้เรียนรู้ฝึกฝนภาษาต่างประเทศไปด้วย

มีสำนึกต้องการทำให้สำเร็จ

ภาษาอังกฤษใช้คำว่า sense of accomplishment เป็นสำนึกที่เกิดขึ้นตามพัฒนาการของวัยนี้ เราจะพบว่าลูกวัยสิบสามอยากได้งานใหม่ๆ ค้นหางานที่ท้าทายกว่าเดิม เจอปัญหาก็ชอบค้นหาคำตอบ เมื่อได้คำตอบแล้วก็อยากจะเช็กคำตอบที่ตัวเองหามาได้ว่า ถูกต้องแค่ไหน

พ่อแม่เราจึงไม่ควรทำลายความรู้สึกที่สร้างสรรค์ชนิดนี้ เปิดโอกาสให้เขาทำกิจกรรม ที่เขาจะต้องค้นคว้าทุ่มเท โดยพ่อแม่เราคอยดูอยู่ห่างๆ ถ้าพิจารณาดีแล้วว่าไม่ใช่กิจกรรม ที่อันตรายแล้วละก็ ให้เขาทำเถอะค่ะ เช่น เขาอาจจะอยากลองตกปลา อยากไปแข่งขัน เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ อยากไปพักบ้านเพื่อนที่ต่างจังหวัดช่วงปิดเทอม

กิจกรรมทางความคิด

วัยสิบสามจะเริ่มสนใจถกเถียงเรื่องสังคม ข่าวสาร มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องโน้น เรื่องนี้ในสังคม การเมือง ศาสนา ก่อนหน้านี้เวลาทำความเข้าใจอะไร เขาจะต้องให้ชัดถูก-ผิด แต่มาปีนี้เข้าใจได้ถึงความเป็นจริงของโลก และชีวิตที่บางครั้งอาจจะมีสีเทา

ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่คุณพ่อคุณแม่อาจจะเปิดประตูการสื่อสารทางความคิด ระหว่างพ่อแม่กับลูกบ้าง เพื่อให้ลูกค่อยๆ สะสมความเข้าใจกับชีวิตจริงในโลก หยิบเอาประเด็นต่างๆ ที่น่าขบคิดมาชวนกันถกเถียง แต่อย่าเพิ่งเอาข้อสรุปแบบถูก-ผิด เอาเป็นเอาตาย ลูกวัยนี้อาจจะยังคิดอะไรไม่ได้ลึกมาก แต่การเริ่มสื่อสารกัน ก็จะนำไปสู่ความเข้าใจในโอกาสต่อๆ ไป

วัยนี้จะเริ่มสนใจประวัติศาสตร์ สนใจธรรมชาติ ดาราศาสตร์ ฯลฯ

แวววัยเยาว์

ช่วงนี้ หากเราได้เริ่มสังเกตความสนใจและกิจกรรมของเขามาไม่ห่าง คุณพ่อคุณแม่ จะเริ่มเห็นว่าเขามีจุดแข็ง จุดอ่อน อย่างไร และสนใจอะไรจริงๆ จังๆ แวว จะปรากฏได้ในช่วงนี้ค่ะ จึงเป็นวัยที่เหมาะแก่การปูพื้นฐานความสามารถ เพื่อการงานอาชีพ หรือเพื่องานอดิเรกของเขา เช่น ถ้าเขาสนใจงานช่าง จับเครื่องมือเครื่องไม้ทะมัดทะแมง คอยอาสาซ่อมแซมอุปกรณ์ต่างๆ ในบ้าน

คุณพ่อคุณแม่ก็อาจจะค่อยๆ พัฒนาศักยภาพของเขาขึ้นมา ชวนไปศึกษาหรือหาประสบการณ์ ด้านนั้นต่อไป

มีงานวิจัยที่น่าสนใจชี้ว่า วิถีชีวิตของพ่อแม่กับลูกวัยสิบสามปีนี้ มักจะเป็นการบ่นว่าตำหนิลูก จนเด็กรู้สึกว่าตัวเองถูกกัดถูกเหน็บอยู่เป็นประจำ เข้าหน้ากันไม่ติด และพลอบไม่อยากเข้าหน้าไปเรื่อยๆ เรื่องที่ถูกแม่ว่าก็ไม่พ้นเรื่องจิปาถะ… เก็บกวาดห้อง ช่วยงานบ้าน กิริยามารยาทบนโต๊ะอาหาร ส่วนพ่อก็มักไปทางโน้น…ไม่ขยันเรียน ไม่เอาใจใส่เรื่องต่างๆ เล่นมากไป ไม่ช่วยตัวเองเอาแต่ให้แม่ช่วย

พ่อแม่ก็เลยมักจะไม่เป็นที่ชอบอกชอบใจของเด็กวัยนี้สักเท่าไร

แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่เข้าใจความตื่นตัวของลูกดังที่เขียนมาตั้งแต่ต้น ท่านก็คงจะพอมองเห็นว่า เขามีธรรมชาติที่ดีงามของเขาอยู่ อยู่แต่เราเท่านั้นว่าจับความสนใจของเขาได้ตรงจุดไหม

ถ้าตรงจุด ส่งเสริมตามที่เขาต้องการ กิจกรรมจะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การอยู่กับลูกวัยสิบสาม เป็นไปด้วยดี และส่งเสริมซึ่งกันและกัน


(update 23 สิงหาคม 2001)
[ที่มา.. life & family   ปีที่ 5 ฉบับที่ 58 มกราคม 2544 ]



[ BACK TO LIST]

[Home] [ เพศ] [ครอบครัว] [ ผู้สูงวัย ] [วัยรุ่น] [ เลี้ยงลูก ] [คลินิกเด็ก][ โรคเด็ก ] คุมกำเนิด] [ โรคสตรี ] [คลินิกคุณแม่]
[กามโรค] [เกย์] [ สุขภาพจิต] [ law ] [สัตว์เลี้ยง]