หมายเหตุจากเนชั่นสุดสัปดาห์ ปีที่ 11 ฉบับที่ 502 วันที่ 14 - 20 ม.ค. 2545
เหยี่ยวพ่อลูกอ่อน
สาวไซด์ไลน์"
มหากาพย์เซ็กซ์
ยุคจัดระเบียบสังคม
ขณะที่เหยี่ยวข่าวอาชญากรรมของสำนักข่าวต่างๆ กำลังสนุกกับการตามข่าวตำรวจไล่ล่า "ผู้ใหญ่" กลุ่มหนึ่ง หรือหนังสือพิมพ์หัวสีตั้งฉายาให้เป็น "แก๊งเสพกาม" ที่แอบ "ซื้อบริการ" เด็กอายุ 12-14 ปี ซึ่งถูกตั้งข้อหากระทำชำเราเด็กและอนาจารไปแล้ว
แต่คนอีกกลุ่มใหญ่ที่ไม่อยากเรียกตัวเองว่าเป็น "แก๊งเสพกาม" กำลังปวดหัวกับเรื่อง "เด็กหาย" ไปจากตู้!
ภาวการณ์ "เด็กหาย" ไปจากตู้นั้น เกิดขึ้นมาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว โดยนิตยสารไฟกลางคืน (ฉบับที่มี "วิเชียร ภู่ศิริ" เป็น บก.) ได้นำเสนอสกู๊ปพิเศษเกี่ยวกับสถานการณ์ไม่ปกติ ณ สมรภูมิอาบอบนวดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยมีการสำรวจตัวเลขพนักงานสาวทุกอ่างอย่างไม่เป็นทางการ ก็พบว่าจำนวนของ "คุณหมอ" หดหายไปอย่างน่าตกใจ
อย่างอาบอบนวดเกรดเอ : จูเลียน่า, วิคตอเรีย, พลาซ่า, ซีซาร์, เอ็มมานูเอล, มิราจ, โพไซดอน, คลีโอพัตรา, โฮโนลูลู, โคปาคาบานา, ชองอลิเซ่ และโนอาร์
รวมยอด "คุณหมอ" ที่มาประจำการแล้ว ไม่น่าจะเกิน 600 คน
อาบอบนวดเกรดบี : เอวิต้า, บาร์บาร่า, บางกอกโคซี่, บีวา, แคทรีน, เจ้าพระยา 2, เจ้าพระยา 3, ชวาลา, คิวปิดี้, แอมบาสซี่, ฮาเร็ม, เจ-วัน, กรุงธนคอมเพล็กซ์, นาตาลี, เมรี, โมนาลิซ่า, โมนิก้า, ริเวียร่า, โรสอินน์, สโนไวท์ ,วาเลนไทน์ 1, วาเลนไทน์ 2, วีซ่าและวีว่า
รวดยอดทั้ง "เด็กเอ" (เด็กเอเย่นต์) และ "คุณหมอตกรุ่น" ประมาณ 1,000 คน
อาบอบนวดเกรดซี : ส.โบตั๋น, ไฉไล, สายฝน, นิวยอร์ค, ไนแองการา, อะตามิ, เฮเลน, คริสติน่า และลาสเตลล่า
รวมยอดส่วนนี้ประมาณ 300 คน และเมื่อรวมสาวประจำอ่างทุกเกรด ก็อยู่ในราว 1,900-2,200 คน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับยุคเศรษฐกิจรุ่งเรืองถือว่ามี "เด็กหาย" ไปจากตู้เป็นจำนวนไม่น้อยเลย
แมลงวันราตรีชี้ถึงสาเหตุของจำนวนที่หายไปว่า 1.ในรอบ 2 ปีมานี้ มีสถานบริการอาบอบนวดเปิดใหม่หลายสิบแห่ง สวนทางกับกระแสเศรษฐกิจขาลง บรรดาพนักงานจึงกระจายออกไปตามอ่างต่างๆ เช่นคุณหมอเกรดบีที่หนึ่ง ก็ขยับเป็นคุณหมอเกรดเออีกที่หนึ่ง 2.พวกหน้าตาดีระดับดาวประจำตู้ถึงเวลา "ปลดระวาง" กลับบ้าน หรือไม่ก็เสี่ยงโชคไปญี่ปุ่น, ไต้หวัน, มาเก๊า หรือยุโรป
3.รูปแบบการขายบริการทางเพศมีช่องทางเพิ่มมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอาบอบนวด เช่น เลานจ์คาราโอเกะแบบออฟเด็กได้ 4.การระบาดของโรคเอดส์ 5.การขูดรีดของผู้ประกอบการ โดยการหักเงินสารพัดรูปแบบ เช่น ค่าน้ำยาสุขภัณฑ์, ค่าล้างอ่าง ฯลฯ
ว่ากันว่า ยามนี้เป็นยุคตกต่ำที่สุดของ "นางงามตู้กระจก" ตำนานที่เล่าขานกัน คุณหมอดาวระดับดาวปั๊มเงินเดือนละหลายแสนบาทหรือขับเบนซ์ป้ายแดงมาทำงานนั้น ไม่มีทางเกิดขึ้นใน พ.ศ.นี้อีกแล้ว
ว่ากันว่า ชั่วโมงนี้กว่าคุณเธอจะได้สัก 1 รอบก็ต้องนั่งหาวไม่กี่รู้กี่ตลบ บางคืนต้อง "กินไข่" ผิดกับเมื่อก่อนพนักงานหน้าตาดีหน่อย ก็รับคืนหนึ่ง 4-5 รอบ หรือหน้าตาขี้เหร่ที่สุดก็ไม่น้อยกว่า 3 รอบ
0 0 0
ขณะที่พนักงานตัวจริงค่อยๆ ทยอยลดจำนวนลง ก็มีผู้หญิงขายบริการแบบใหม่แทรกตัวเข้ามาแทนที่ นั่นคือ "สาวไซด์ไลน์" หรือสาวๆ ที่เร่เข้ามาขายบริการในสถานอาบอบนวด
ผู้สื่อข่าวนิตยสารไฟกลางคืน รายงานว่า ""สาวๆ เหล่านี้มาทำงานขายบริการโดยสมัครใจ ไม่มีใครหลอกลวงมาหรือไม่มีใครพามาขายทอดให้กับบรรดาสถานอาบอบนวดเหล่านั้น และจากกระแสข่าวเรื่องนักศึกษาขายตัวดังที่เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์นั้น ความจริงก็คือมีจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาสู่วงการค้ากามในรูปแบบของหมอนวดนอกตู้เหล่านี้
""มามาซังตามไซด์ไลน์คลับ บางแห่งถึงกับท่องจำให้ขึ้นใจทุกครั้งที่แนะนำเด็กให้กับแขกที่มาใช้บริการว่า น้องคนนี้เรียนอยู่ที่สถาบันโน้นบ้าง สถาบันนี้บ้าง ที่มีชื่อที่สุดก็มี สถาบัน...แถวลาดพร้าว สถาบัน รภ. แม้กระทั่ง มหาวิทยาลัยของรัฐ หรือของเอกชนมีชื่อ ก็ยังมีการแอบมาหากินเป็นไซด์ไลน์อาบอบนวดที่ โพไซดอน ชองอลีเซ่ หรือคลีโอ กับเขาเหมือนกัน พวกนี้ส่วนใหญ่จะใช้ชื่อสถาบันเป็นตัวโก่งราคา เริ่มจาก 3,500-5,00-8,000 บาทก็มี""
แรกๆ หญิงสาวเหล่านี้ จะแวะเวียนมาแค่ 2-3 คน แต่ภายหลัง "สินค้า" ขาจรแบบนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีจากแขกที่มาเที่ยว จึงทำให้ผู้ประกอบการวางแผนจัดช่องทางค้ากามใหม่ โดยให้พวกผู้หญิงนอกตู้ได้เข้าไปนั่งในตู้กระจก ซึ่งสัดส่วนแยกออกมาจาก "เด็กประจำ" อย่างเห็นเด่นชัด
หากใครแวะเวียนเข้าไปเที่ยวตามสถานที่เหล่านี้ ก็จะเห็นหญิงสาวสวมชุดไปรเวทนั่งอยู่มุมหนึ่ง ขณะที่อีกด้านหนึ่งมีสาวในชุดวับๆ แวมๆ นั่งโชว์ตัวเป็นแถวยาว ซึ่งความแตกต่างของชุดที่สวมใส่จะทำให้แขกทราบทันทีว่ากลุ่มหนึ่งนั้นเป็น "เด็กไซด์ไลน์"
ประเมินกันว่าวันนี้มีหญิงสาวทุกสาขาอาชีพเข้าไปขายบริการทางเพศในอาบอบนวดทุกเกรด ประมาณ 1,500 คน ส่วนใหญ่จะหนาแน่นอยู่ในอาบอบนวดเกรดเอ ย่านถนนรัชดาภิเษก
""ถึงวันนี้ ธุรกิจค้ากามในรูปของ "สาวไซด์ไลน์" ก้าวไปอีกขั้น ถึงขนาดว่ามีเจ้าของสถานที่บางราย ไม่ต้องสร้างตู้กระจกเปิดเป็นเหมือนภัตตาคาร มีวงดนตรี มีนักร้องชั้นดีให้ความบันเทิง ในขณะเดียวกันก็เปิดขายอาหารแบบภัตตาคาร สาวไซด์ไลน์ก็ให้ไปนั่งอยู่อีกมุมของห้องโถง หรือไม่ก็เดินไปเดินมาเป็นการโชว์ตัวให้แขกเห็น สนใจเรียกมานั่งคุยสอบถามคำถามส่วนตัวบางคำถาม
""คลับไซด์ไลน์ปัจจุบัน ค่าดื่มก็ไม่แพง ไม่มีการรันดื่มเหมือนตามเลานจ์ ตามคลับ เบียร์แก้วละร้อยกว่า เปิดเหล้าก็พันนิดๆ มิกเซอร์ก็ไม่ได้โหดเหมือนคลับเลานจ์ ส่วนใหญ่จะราคามาตรฐานภัตตาคาร ไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกเสียเงินหรือรูดการ์ดให้พวกเจ้าของสถานที่เอาเงินสดไปหมุนก่อน เหมือนคลับ/เลานจ์ แต่หลักการพื้นฐานก็คือ ต้องมีสาวไซด์ไลน์ไว้คอยบริการให้มากพอ ไม่ใช่ให้แขกมานั่งรอสาวๆ ที่กำลังสะเดิฟกับใครอยู่ชั้นบน จึงเป็นการยากพอสมควรสำหรับที่จะจัดสถานบริการลักษณะนี้ไว้ในกลุ่มใด คลับ/เลานจ์ ภัตตาคาร หรืออาบอบนวด แต่ส่วนใหญ่แล้วคลับไซด์ไลน์เท่าที่มีอยู่ก็เป็นเอาท์เลทหนึ่งของสถานอาบอบนวดนั่นเอง
""ผลประโยชน์เป็นของใครหรือ? ก็เป็นทั้งของสาวไซด์ไลน์ ทั้งของเจ้าของสถานที่นั่นแหละ คือต่างคนต่างได้ประโยชน์ สาวๆ ได้ค่าตัว สถานที่ได้ค่าห้องลักษณะนี้จะช่วยให้สาวไซด์ไลน์ได้รับค่าตัวทันใจ เป็นน้ำเป็นเนื้อ และส่วนมากจะรับกันวันต่อวัน
""จึงอย่าแปลกใจหากจะสังเกตเห็นว่า พักนี้สาวไซด์ไลน์ย้ายที่ทำงานกันเป็นว่าเล่น ที่ไหนแขกแน่น พวกหล่อนก็จะเฮโลไปที่นั่น เข้าง่าย ออกง่าย ไปวันนี้ได้รับแขกวันนี้กันเลย ได้รับค่าตัววันนี้ กลับบ้านมีเงินสดติดมือไปเสียค่าหน่วยกิต ค่าเช่าแฟลต หรือชำระบิลโทรศัพท์มือถือพรุ่งนี้ เจ้าของสถานที่ก็ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไร ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน เงินสวัสดิการ ประกันสังคม ค่าตรวจโรค หรือค่าใช้จ่ายอย่างอื่น ไม่ต้องเสียแม้กระทั่งภาษี เพราะรายได้ในรูปเงินบาร์ชาร์จหรือค่าหัวคิวลักษณะนี้ ไม่มีใครเขามามีหลักฐานการรับจ่ายเปิดเผยชัดเจนกันหรอก ขืนมีก็ต้องเม้มๆ ถือเป็นรายรับที่มิพึงเปิดเผยให้สรรพากรรู้ เพราะอาจจะตามมาตรวจสอบเช็คบิลวันหลังกันได้""
สถานที่ที่มีสาวไซด์ไลน์ไปชุมนุมมากที่สุดยามนี้ คือ โพไซดอน ในวันธรรมดาหมุนเวียนกันประมาณ 50 คน ศุกร์-เสาร์ ประมาณ 60-80 คน หรือชอง อลีเซ่ มีเด็กหมุนเวียนมาทำงานกันวันละประมาณ 30 คน ราคาค่าตัวสูงหลายคนเพราะคุณเธอเป็นนางแบบปฏิทิน หรือไม่ก็เคยถ่ายนิตยสารผู้ชายมาก่อน
โดยทั่วไปผู้ชายจะสามารถหา "ซื้อบริการ" จากสาวไซด์ไลน์ในราคาอย่างต่ำ 1,900 บาท และอย่างสูงไม่เกิน 2,700 บาท ยกเว้นพวกนางแบบที่เคยถ่ายปฏิทินหรือนิตยสารผู้ชายจะเรียกค่าตัวเพิ่มขึ้น 3,500-5,500 บาท
นี่เป็นราคาสำหรับผู้หญิงที่เข้าไปขายบริการในอาบอบนวดเกรดเอ สำหรับเกรดบีนั้น แมลงวันราตรีรายงานเพิ่มเติมว่า
""อาบอบนวดเกรดรองเดี๋ยวนี้เขาก็มีสาวไซด์ไลน์ให้บริการเหมือนเกรดเอแล้ว และยิ่งไปเทียบชั้นพวกเด็กไซด์ไลน์ตามอาบอบนวดเกรดรองด้วยแล้ว จะเห็นได้ชัดเลยว่ามาตรฐานเด็กไม่ว่ารูปร่างหน้าตาผิวพรรณจะสู้เด็กในตู้ไม่ได้ด้วยซ้ำ และอย่าแปลกใจที่ดึกๆ หากคุณแวะไปแถวคอฟฟี่ช็อปหรือฟุตบาธริมถนนเพชรบุรีหน้าโรงแรมสยามจะเห็นเด็กพวกนี้ไปแจมกับพวกเด็กจากบาร์แถวสุทธิสารสะพานควาย หรือแผนโบราณ เกรดล่างหาจับแขกล้างชามกันที่นั่นเรียกราคากัน 1,500 และหลายรายจะยืนมาราธอนถึงยามเมื่อแสงทองจับขอบฟ้า..
""กล่าวโดยสรุปก็คือว่า ณ วันนี้สาวในตู้กำลังถูกเบียดแซงโดยสาวไซด์ไลน์ เพราะกฎเกณฑ์ที่น้อยกว่า ไม่มีเรื่องยุ่งยาก จะมาไม่มากก็ได้ กลับเมื่อไหร่ก็ได้ ไปหาแขกที่อื่นก็ได้ ซ้ำโก่งค่าตัวได้สูงกว่าได้รับเงินเร็วกว่า พวกนักศึกษาเข้ามาหาโอกาส "จ่อม" สัปดาห์ละหนสองหนเพียบ โดยเฉพาะที่ไหนกล้าให้ค่าตัวสูงๆ เป็นประตูหรือบันไดขั้นแรกของการก้าวเข้าสู่วงการค้ากามของนักศึกษาปัจจุบันและพยากรณ์ไว้ได้เลยว่า นี่แหละคือแนวรบใหม่ที่มาแรงของอาบอบนวด เป็นการขายบริการแบบค่อนข้างเสรีในสมัยที่ไทยก็เป็นสมาชิกองค์การค้าโลก จะมาหาว่าถูกบังคับให้ค้ากามก็ไม่ได้ เพราะพวกนี้มาสมัครกันเอง เป็นแฟชั่นการหาเงินที่ง่าย และไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากแถมได้ค่าตัวเป็นน้ำเป็นเนื้อ ไม่ต้องถูกพวกแมงดา แม่เล้า หรือเหลือบริ้นมารุมทึ้งรุมเอาเปรียบทั้งจากมามาซัง หรือเจ้าของสถานบริการ เพราะรายได้แบ่งชัดเจนว่าค่าห้องของสถานอาบอบนวดเท่าไร ค่าตัวเด็กได้เท่าไรมามาซังที่เชียร์ได้รอบละเท่าไหร่""
หาก "ป๋าเหลิม" หรือ "อาศักดา" ไม่เปลี่ยนรสนิยมไปชอบ "เด็ก" ก็อาจมาซื้อบริการจากสาวๆ เหล่านี้ได้ โดยไม่ต้องไปเสี่ยงกับการตกเป็น "ข่าวหน้า 1" ให้เจ็บปวดไปทั้งครอบครัว
************************
บทเรียนที่ไม่เคยจำป๋าเหลิม" ถึง "อาศักดา"
ข่าวคาว "อาศักดา" กระทำย่ำยีเด็กสาววัย 12 ในวันนี้ ไม่ต่างกับเมื่อครั้งที่ "ป๋าเหลิม" ไปซื้อบริการกับเด็กสาวในวัยใกล้เคียงกัน จะต่างกันตรงที่ "ผู้พิทักษ์เด็ก" ในครั้งก่อนคือ "ครูยุ่น" มนตรี สินทวิชัย ส.ว.สมุทรสงคราม และครั้งนี้เป็นอดีตรัฐมนตรีหญิง-ปวีณา หงสกุล
"ด.ญ.เอ" ที่เข้าไปพัวพันขายประเวณีให้กับ พ.ต.ท.ศักดา ช่างเรือ รองผู้กำกับการจราจร สน.ลุมพินี (รอง ผกก.จร.) ได้เล่าให้นักข่าวฟังว่า ครั้งแรกไปพบที่ห้องทำงาน พ.ต.ท.ศักดา โดยไปด้วยกันทั้งหมด 4 คน มี พี่บี, ป้าแมว, พี่จอย และตัวเธอเอง ซึ่งครั้งนั้นเป็นการเข้าไปดูตัวเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร
""เขาก็พูดว่าหนูชื่อเอ เรียนอยู่โรงเรียนอนุเสวกใช่ไหม ซึ่งหนูไม่รู้ว่าเขารู้ได้อย่างไร คิดว่าพี่บีคงบอกไว้แล้ว จากนั้นเขาก็ให้เงินพี่บี แบ่งให้หนูมา 100 บาทไปกินขนม แล้วก็กลับกัน ส่วนครั้งที่สอง พี่บีเป็นคนพาเข้าไปพบที่ทำงานเขาอีกครั้งหนึ่ง""
ในการพบกันครั้งที่สองนั้น เธอบอกว่าเขาจะพาหนูไปจริงๆ ทั้งที่ขณะนั้นยังแต่งเครื่องแบบตำรวจและกำลังทำงานอยู่ แต่ก็ทิ้งงานออกมาเลย เขาบอกให้ไปรอที่ป้ายรถเมล์ใกล้ๆ กับสถานีตำรวจแล้วเอารถกระบะสีขาว ซึ่งเป็นรถของตำรวจมารับพาหนูกับพี่บีไปโรงแรม ขณะที่อยู่ในรถเขาไม่พูดอะไร และก็มีโทรศัพท์มาหาเขาตลอด ได้ยินเขาพูดกับเพื่อนว่าให้ออกเวรไปก่อน ติดธุระอยู่ เดี๋ยวตามไป
""พอไปถึงโรงแรมเขาสั่งให้พี่บีเข้าไปอยู่ในห้องน้ำ คุยกันแป๊บเดียวแล้วเขาก็ทำหนูจนเสร็จครั้งแรก จากนั้นก็ทำครั้งที่สองต่อ แต่ครั้งนี้เขาทำไม่เสร็จ หนูเจ็บก็ร้องออกมาก่อน ก่อนกลับเขาให้เงินหนู 3,000 บาท""
ส่วนครั้งที่ 3 นั้น ด.ญ.เอ บอกว่า เขาก็เอารถตำรวจมารับเข้าโรงแรมม่านรูดเหมือนเดิม แล้วเขาก็ทำจนเสร็จเรียบร้อย จากนั้นให้เงิน 1,000 บาท แล้วบอกว่า อาไม่ค่อยมีตังค์ เอาไว้คราวหลังจะให้เพิ่มอีก
""อาศักดาไม่เคยถามว่าอายุเท่าไหร่ ไม่เคยคุยอะไรกันมาก เพราะพออยู่กัน 2 คน เขาก็ทำอย่างเดียว"" แต่พี่บีจะเป็นคนโกหกว่าหนูอายุ 15-16 ปี พอหนูจะบอกว่าไม่ใช่ พี่บีก็จะแย้งขึ้นมาทุกครั้งว่า ใช่ หนูอายุ 15-16 ปีจริง และที่เขาทำแต่ละครั้งก็ไม่ได้บังคับอะไรหนู เพราะพี่บีบอกว่าอาเขาเล่นด้วย เราเต็มใจมาแล้วก็ให้ยอม หนูก็ยอมมาตลอด""
ด.ญ.เอ ยังเล่าต่อว่า พ.ต.ท.ศักดาเคยพูดกับพี่บีว่า เขาเคยเลี้ยงเด็กมาแล้วคนหนึ่ง ชื่อ "น้อง" แต่หลังจากนั้นได้หนีไปกับแฟน เขาก็เลยกังวลว่าถ้าเลี้ยงตนอีกคนแล้วจะหนีไปเหมือนคนชื่อ "น้อง" ก็จะเสียเงินที่เลี้ยงไปฟรี พี่บีก็บอกว่าหนูไม่หนีไปไหนหรอก เพราะยังไม่มีแฟน
เป็นคำให้การของเด็กหญิงผู้บริสุทธิ์ ที่ใครได้ฟังแล้วก็อดสะท้อนสะท้านใจเสียมิได้ และผลกรรมดังกล่าวจึงตกมาถึงผู้ก่อคือ "อาศักดา"
เวลา 14.15 น. วันที่ 8 มกราคม 2545 พ.ต.ท.ศักดา ช่างเรือ รองผู้กำกับการจราจร สน.ลุมพินี ซึ่งถูก ด.ญ.เอ ให้การพาดพิงว่าเป็นผู้หนึ่งที่ใช้บริการทางเพศ ได้เดินทางมายังกองปราบปราม พร้อมด้วยทนายความ รวม 3 คน โดยมี พ.ต.ท.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผกก.1 ป. เดินทางลงมารับเพื่อนำตัวขึ้นไปสอบสวนบริเวณชั้นที่ 3 ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองกำกับการ 1
หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนนำเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดกองกำกับการ 1 กองปราบฯ จำนวน 5 คน มายืนเรียงแถวร่วมกับ พ.ต.ท.ศักดา และให้มีการเปลี่ยนเครื่องกายโดยให้เปลี่ยนเสื้อที่ใส่อยู่เป็นเสื้อยืดแขนสั้น สีขาว สกรีนตราโล่ที่บริเวณหน้าอกด้านซ้ายให้เหมือนกันทุกคน ก่อนที่จะให้ ด.ญ.เอ ทำการชี้ตัวจำนวน 2 ครั้ง โดยครั้งแรกได้ให้ พ.ต.ท.ศักดา ยืนอยู่ในตำแหน่งที่ 2 ครั้งที่สองให้สลับมายืนในตำแหน่งที่ 5 ผลปรากฏว่า ด.ญ.เอ สามารถชี้ตัว พ.ต.ท.ศักดา ได้อย่างถูกต้องทั้งสองครั้ง
ภายหลังจากที่ ด.ญ.เอ ทำการชี้ตัวพ.ต.ท.ศักดา เสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวน นำโดย พ.ต.อ.วินัย ทองสอง รอง ผบก.ป. ได้นำตัว พ.ต.ท.ศักดา ไปทำการสอบปากคำที่ห้องทำงาน โดยเบื้องต้นมีรายงานว่า พ.ต.ท.ศักดา ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำการข่มขืน และไม่ได้กระทำอนาจารกับเด็กหญิงคนดังกล่าวแต่อย่างใด และพนักงานสอบสวนได้พิจารณาอนุญาตให้ประกันตัวได้โดยใช้หลักทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาท ซึ่งทางพ.ต.ท.ศักดา ได้ใช้สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารของตัวเองประกันตัวไปก่อนที่จะเดินทางกลับ
พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหากับ พ.ต.ท.ศักดา 2 ข้อหา คือข้อหากระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาของตน โดยเด็กหญิงนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี ปรับตั้งแต่ 8,000-40,000 บาท
ถ้ากระทำความผิดตามวรรคแรกเป็นการกระทำแก่เด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 7-20 ปี และปรับตั้งแต่ 4,000-40,000 บาท หรือจำคุกตลอดชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 และข้อหากระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อดีตรัฐมนตรีปวีณาให้สัมภาษณ์ว่า ""ดิฉันต้องการเห็นกฎหมายศักดิ์สิทธิ์ และอยากให้ผู้ชายทุกคนพึงสังวร เพราะอดีตที่ผ่านมา 5 ปี คดีลักษณะนี้กฎหมายไม่เคยสามารถเอาผิดกับผู้ชายเลย หวังว่าคดีนี้จะเป็นนิมิตหมายใหม่และเป็นค่านิยมให้กับสังคม""
ขณะที่เพื่อนร่วมรุ่น นรต.34 ยศ พ.ต.ท.คนหนึ่ง กล่าวว่า ตอนนี้สื่อทุกแขนงก็มุ่งแต่ขายข่าว แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดเฉพาะกับ พ.ต.ท.ศักดา เท่านั้น แต่รวมไปถึงครอบครัว คือ ลูกที่เรียนอยู่สาธิตจุฬาฯ ไม่กล้าไปเรียนหนังสือแล้ว ส่วนภรรยาของเขาก็ต้องลาออกจากงาน
""เพื่อนผมพังหมดแล้ว เหมือนกับคนที่โดนหมัดจนมึน เดินไม่เป็นก็ว่าได้ และที่สำคัญก็คือ ผู้บังคับบัญชาบางคนสั่งห้ามไม่ให้เขาออกมาพูดอะไรทั้งสิ้น และไม่ต้องเข้ามาที่โรงพักด้วย""
คดีนี้เพิ่งเริ่มต้น และยังไม่จบลงง่ายๆ เพราะตำรวจยังตามล่าตัวผู้ชายที่ "ซื้อบริการ" จากเด็กหญิงอีกหลายคน