สื่อสารอย่างไรให้เข้าใจสัตว์เลี้ยง

ในฐานะที่เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยง เรามีหน้าที่ที่จะต้องสื่อสารกับสัตว์เลี้ยงของเรา ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และนั่นก็หมายถึงคุณต้องมีความเข้าใจว่าทำไมสัตว์เลี้ยงของคุณ จึงเป็นอย่างนั้นๆ ด้วย

สัตว์ประพฤติอย่างที่เราเห็นก็เพราะว่ามันเป็นเช่นนั้น มนุษย์เป็นสัตว์สังคม สุนัขก็เช่นกัน นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมสุนัขถึงเข้ามามีความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกับเราๆ เหล่ามนุษย์ได้ และการเป็นสัตว์สังคมยังหมายรวมถึงการอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มและการพยายามมีอำนาจเหนือตัวอื่นๆ ด้วย ในทางตรงกันข้าม แมวเป็นสัตว์ที่รักสันโดษ พวกมันดำรงชีวิตและหาอาหารตามลำพัง ส่วนสัตว์เลี้ยงอย่างนกและม้าซึ่งเป็นสัตว์ที่เป็นผู้ถูกล่าจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ไม่ เพียงเพราะว่า มันเป็นสัตว์สังคมเท่านั้น แต่เพื่อเป็นหูเป็นตาระวังภัยจากผู้ล่าอีกด้วย

สัตว์รู้จักโลกรอบตัวมันได้อย่างไรเป็นสิ่งที่เราควรหาคำตอบ มนุษย์รู้จักสิ่งต่างๆ จากการที่ตาเห็นเป็นหลัก ลองคิดดูสิ...โลกนี้จะเป็นอย่างไรหากเราเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากจมูกแทนที่จะเป็นสายตา เราคงจะต้องทำจมูกฟุดฟิดทักทายกัน ซึ่งเป็นกิริยาที่เราเห็นจากสุนัข และเป็นสิ่งที่บางคนคิดว่าน่ารังเกียจ

ในความเป็นจริงแล้วเราไม่ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ จากการกระทำเช่นที่ว่านั้น เรามีแนวโน้มที่จะคิดอย่างมนุษย์มากกว่า แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้เราเข้าใจสัตว์เลี้ยงของเรามากขึ้น การตบบ่าเพื่อนของเราพร้อมทั้งบอกว่า "ไม่เป็นไร ทุกอย่างจะเรียบร้อย" ขณะที่เพื่อนกำลังรอคนที่รัก ออกจากห้องผ่าตัดนั้นถือเป็นการปลอบใจที่ดี แต่การกระทำเดียวกันนี้หากคุณใช้กับสุนัขที่กำลัง รอพบสัตวแพทย์ กลับจะเป็นการทำให้มันตกใจกลัวเสียมากกว่า

ปฏิกิริยาที่ว่านี้เป็นเรื่องจริง สุนัขมีแนวโน้มที่จะคิดอย่างสุนัข ดังนั้นถ้าหากคุณเดินเฉียดไปใกล้ๆ ขณะที่เจ้าตูบกำลังแทะกระดูกอย่างเมามันล่ะก็ มันจะคิดว่าคุณกำลังจะแย่งของโปรดของมัน และหันมาเห่าใส่คุณ

  • เริ่มต้นสื่อสารกับสัตว์เลี้ยงของคุณ

เราจะเริ่มต้นการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับสัตว์เลี้ยงได้อย่างไร ในขณะที่คุณเรียนรู้ที่จะสังเกต และตีความการกระทำของสัตว์เลี้ยง สัตว์เลี้ยงของคุณก็กำลังเรียนรู้ที่จะทำเช่นเดียวกับคุณเหมือนกัน สำหรับนกแก้วที่ยังเล็กแล้ว นี่หมายถึงการสอนให้มันดูสิ่งที่คุณทำและเรียนรู้ที่จะทำตาม การสอนคำสั่ง " ขึ้นมา " เพื่อให้นกมาเกาะอยู่ที่มือคุณ และสอนคำสั่ง "ลงไป" เพื่อให้มันลงจากมือคุณนั้น เป็นสิ่งแรกๆ ที่คุณควรใช้ในการสื่อสารกับนก ส่วนการรักษาระดับสายตาของมันให้อยู่ที่ตัวคุณหรือต่ำกว่า ก็จะช่วยทำให้คุณมีอำนาจเหนือมันได้ และถ้าปกติคุณใจดีกับนกของคุณเกินไปจนมัน ไม่ยอมฟังคุณแล้วล่ะก็ การมองด้วยสายตาที่ดุดันพร้อมทั้งบอกมันดังๆ ว่า "ไม่" ก็เป็นการปรามได้ทางหนึ่ง

สำหรับการสื่อสารกับแมวซึ่งเป็นสัตว์ที่รักสันโดษแล้ว คุณต้องเข้าใจว่าแมวจะทำในสิ่งที่มัน อยากทำเท่านั้น ดังนั้นถ้าหากคุณต้องการให้มันทำอะไรล่ะก็ คุณจะต้องทำให้มันเป็นสิ่งที่น่าเพลิดเพลิน และถ้าหากว่าคุณไม่ต้องการให้มันทำอะไร ก็จงอย่าให้รางวัลเมื่อแมวของคุณทำสิ่งที่ว่านั้น ว่ากันตามจริงแล้ว หากแมวพูดได้มันคงจะบอกว่ามันเป็นเจ้าของคุณเสียมากกว่า

และสำหรับสุนัขซึ่งเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างจะมีการปกครองแบบลำดับขั้นแล้ว การที่คุณจะทำให้มันเชื่อฟังได้คุณจะต้องทำให้มันเห็นว่าคุณเหนือกว่า แต่นี่ไม่ได้หมายความว่า คุณจะต้องจับมันกลิ้งไปกลิ้งมาหรือกำราบมันด้วยการล่ามโซ่หรอกนะ การฝึกในเชิงบวก (คือการให้รางวัลและการชมเชย) ก็เป็นที่นิยมและให้ผลได้เช่นเดียวกัน สุนัขที่รู้ว่า ไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งเสมอไป และรู้ว่าสิ่งใดอยู่ในขอบเขตที่มันจะทำได้จะรู้สึกผ่อนคลาย และสนุกสนานกับการสื่อสารของคุณได้มากกว่า

  • คำแนะนำเบื้องต้น

สิ่งต่อไปนี้คือคำแนะนำเบื้องต้นที่คุณควรรู้ในการสื่อสารกับสัตว์เลี้ยงของคุณ แต่คุณจะเข้าใจสิ่งที่สัตว์เลี้ยงของคุณพยายามจะบอกได้อย่างไร เช่นเดียวกับการเรียนรู้ทั่วไป การเรียนรู้ที่จะเข้าใจสัตว์เลี้ยงก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน การอ่าน การเข้ารับการอบรม การพูดคุยกับครูฝึกและผู้เชี่ยวชาญทาง ด้านพฤติกรรมสัตว์ และการสังเกตจะช่วยให้การเรียนรู้ของคุณเป็นไปได้ดีขึ้น ทั้งนี้ในการเรียนรู้คุณควรทำตามข้อแนะนำบางอย่างที่เราเตรียมไว้ให้

อย่างแรก เนื่องจากสุนัขที่เดินอยู่ตามท้องถนนสามารถทำอันตรายเราได้ เราจึงควรเริ่มการฝึกกัน จากข้อนี้เลย สมมติว่าคุณเดินไปในถิ่นที่ไม่ใช่ละแวกบ้านของคุณแล้วบังเอิญพบสุนัขอยู่ตรงหน้า สุนัขตัวนี้มีหัวและหางตกลง และมันก็กำลังแกว่งหางอยู่ด้วย คุณจะทำอย่างไร

ตรงข้ามกับความเชื่อที่ว่าสุนัขแกว่งหางแสดงว่าสุนัขเป็นมิตร คุณควรจะรักษาระยะห่างของคุณเอาไว้ จริงๆ แล้วสุนัขตัวนี้กำลังส่งสัญญาณว่ามันกลัว ดังนั้นมันจึงต้องการปกป้องตัวเอง และหากคุณเข้าไปใกล้ คุณก็อาจโดนมันกัดเอาได้

ลองดูกันอีกสักตัวอย่าง คุณกำลังไปเยี่ยมเพื่อนสาวที่ไม่ได้พบหน้ากัน มาระยะหนึ่งและตอนนี้เธอก็เพิ่งเอาสุนัขตัวใหม่มาเลี้ยง เธอเพิ่งจะบอกคุณว่า สุนัขของเธอสุดแสนจะเป็นมิตร เมื่อคุณไปถึงคุณพบสุนัขตัวนี้เอาแต่วิ่ง และเห่าไปรอบๆ สักพักมันก็หัน
มาแยกเขี้ยวใส่คุณ เมื่อคุณเห็นเขี้ยวยาวโง้งของมันแล้วคุณก็คิดว่า เจ้าสุนัขตัวนี้เป็นมิตรจริงๆ ล่ะหรือ ?

สุนัขตัวนี้กำลังตื่นเต้น มันพร้อมที่จะกระโดดเข้าใส่และเลียหน้าเลียตาคุณในไม่กี่วินาที สิ่งที่คุณเห็นและคิดว่ามันกำลังแยกเขี้ยวนั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นรอยยิ้มที่แสดงถึงความเป็นมิตรต่างหาก สิ่งที่น่าจะห่วงกลับเป็นการควบคุมสุนัขของเพื่อนคุณมากกว่า

ท่าทางอีกอย่างหนึ่งของสุนัขที่เราคุ้นเคยกันดีก็คือการชวนให้เล่น เวลาที่สุนัขอยากให้เราเล่นด้วย มันจะลดหน้าอกและขาหน้าของมันลงติดพื้น ยกส่วนหลังของลำตัวขึ้น ส่วนหางจะชี้ขึ้น และแกว่งอย่างรวดเร็วเป็นการบอกว่า "มาสนุกกันเถอะ" คุณเองก็อาจชวนสุนัขของคุณเล่นได้ โดยทำท่าทางเลียนแบบมันนี่แหละ คุณอาจจะรู้สึกว่ามันดูงี่เง่า แต่สุนัขของคุณจะรู้เองว่าคุณกำลังบอกอะไร

  • รับรู้จากสัญญาณ

อย่างไรก็ตาม ยังมีภาษากายอีกหลายอย่างของสัตว์เลี้ยงที่เราไม่ค่อยเข้าใจนัก อย่างหนึ่งก็คือ การที่สุนัขยกขาหน้าของมันขึ้นเหมือนกับเวลาที่เราเชคแฮนด์ สุจินต์พบว่าสุนัขของเธอ จะทำอาการเช่นนี้ทุกครั้งที่มันรู้ว่าเธอกังวล ยกตัวอย่างเช่น ครั้งหนึ่งที่สุจินต์พาเจ้าโดบี้ สุนัขลาบราดอร์
รีทรีฟเวอร์ ของเธอไปประกวด สุจินต์รู้สึกกังวัลใจมาก ถึงแม้ว่าโดบี้จะทำตามคำสั่ง ของเธอได้ถูกต้องทุกอย่างก็ตาม ดูเหมือนว่าโดบี้จะรู้ถึงการกังวลนี้ มันจะบอกสุจินต์ว่า เธอกำลังทำให้มันผิดรำคาญโดยการยกขาหน้าของมันขึ้น ไม่มีใครรู้ว่ามันรู้ได้อย่างไร แต่นั่นก็ทำให้สุจินต์ต้องทำตัวให้ผ่อนคลาย และเมื่อเธอรู้สึกผ่อนคลายจริงๆ แล้ว เจ้าโดบี้ก็จะเอาขาของมันลง

ไม่น่าเชื่อว่าสัตว์เลี้ยงมีความสามารถในการรับรู้อารมณ์มนุษย์ แต่มันจะมีปฏิกิริยาสนองตอบ ต่ออารมณ์ของเราอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับลักษณะเฉพาะตัวของสัตว์แต่ละตัวเป็นหลัก สัตว์เลี้ยงบางตัว จะออกไปจากห้องเมื่อรู้ว่าเจ้าของกำลังหัวเสีย สัตว์เลี้ยงบางตัวอาจจะพยายามปลอบใจเจ้านาย โดยใช้ร่างกายสัมผัสหรือการเลีย แต่ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด สัตว์เลี้ยงพวกนี้ก็รู้ได้จริงๆ ว่าคุณกำลังอารมณ์เสีย ดังนั้นบางครั้งคุณก็ต้องเก็บงำอารมณ์ความรู้สึกจากเจ้าเพื่อนมีขนเหล่านี้บ้าง

ส่วนแมวเป็นสัตว์ที่ไม่เคยซ่อนอารมณ์ความรู้สึกของมัน ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของคุณ ที่จะต้องตีความหมายการกระทำของมันเอาเอง

สมมติว่า เจ้าเหมียวกำลังนอนอยู่บนตักของคุณและคุณกำลังลูบหลังให้มัน มันส่งเสียงร้องหง่าว ทำหูกาง สะบัดหาง คุณคิดว่ามันกำลังจะทำอะไร ?

ถึงแม้ดูท่าว่าเจ้าเหมียวจะเพลิดเพลินกับการเอาใจใส่ของคุณเป็นอย่างดี แต่จริงๆ แล้ว มันกำลังได้รับการกระตุ้นมากเกินไปต่างหาก เจ้าเหมียวอาจจะกระโดดลงจากตักคุณเอาดื้อๆ หรือหันมาข่วนหรือกัดคุณเข้าก็ได้หากคุณยังลูบหลังมันต่อไป

คำถามข้อที่สอง ในขณะที่กำลังดูทีวี คุณรู้ว่าสายตาของเจ้าเหมียวกำลังจดๆ จ้องๆ อยู่ที่คุณ มันร้อง เอาหัวคลอเคลียกับขาของคุณ แล้ววิ่งออกจากห้องไป อีกสองสามวินาทีต่อมาเจ้าเหมียวก็กลับเข้ามา แล้วก็เริ่มทำอย่างเดิมอีก เจ้าเหมียวกำลังบอกอะไรคุณ ?

เจ้าเหมียวกำลังต้องการบางสิ่งบางอย่างจากคุณ และเจ้าบางอย่างที่ว่านี้มันก็อยู่นอกห้องเสียด้วย มันกำลังดึงความสนใจของคุณไปยังสิ่งของที่มันต้องการอย่างสุดความสามารถ มันอาจอยากให้คุณ เปลี่ยนกระบะทรายให้มัน หรือบอกว่าน้ำดื่มของมันหมดแล้ว หากคุณทำตามที่มันต้องการ คุณก็จะรู้ว่าปัญหาของมันคืออะไร

สำหรับอาการเดือดดาลของแมวนั้นเราสามารถรู้ได้ง่ายมาก แม้แต่คนที่ไม่เลี้ยงแมว ก็สามารถบอกได้ว่าหากแมวทำตัวโก่ง พองขน และมีม่านตาขยายกว้าง นั่นหมายความว่า มันกำลังอารมณ์ไม่ดีแน่ๆ

กลับไปที่แมวที่อยู่บนตักของคุณ สมมติว่าคุณยังคงลูบหลังมันและมันก็กำลังส่งเสียงครางอยู่ แต่คราวนี้คุณรู้สึกว่ามันกำลังเอากรงเล็บขุดขาของคุณเป็นจังหวะด้วย กิริยาเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ?

สิ่งที่เจ้าเหมียวตัวนี้กำลังทำนี้เรียกว่า "การนวด" เหมือนกับมันได้กลับไปเป็นลูกแมวอีกครั้ง การที่ลูกแมวทำเช่นนี้ก็เพื่อกระตุ้นให้น้ำนมของแม่ไหลออกมา แมวที่มีท่าทางเช่นนี้คือ แมวที่กำลังมีความสุข แต่คนที่กำลังถูก "นวด" อยู่มักไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่หรอก


(update 14 กุมภาพันธ์ 2001)

[ BACK TO LIST]

[Home] [ เพศ] [ครอบครัว] [ ผู้สูงวัย ] [วัยรุ่น] [ เลี้ยงลูก ] [โรคเด็ก ] [คุมกำเนิด] [ โรคสตรี] [กามโรค] [เกย์ ]
[ สุขภาพจิต] [ law ] [ สัตว์เลี้ยง]