เรื่องที่หนึ่ง ป่วยตอนตั้งครรภ์อ่อนๆ

“ดิฉันป่วยหลังจากประจำเดือนไม่มากี่วันคะถึงจะตรวจว่าตั้งครรภ์แล้วระหว่างที่เรายังไม่ทราบว่าตั้งครรภ์หลบังจากประจำเดือนไม่มา 3-4 วัน แล้วเกิดป่วยเสียหนึ่งเดือน จะทำให้แท้งหรือเปล่าคะ” /คุณส้มหวาน

ตอบ การตรวจว่าตั้งครรภ์หรือไม่นั้น มีหลายวิธี วิธีที่ทราบกันดีก็คือการตรวจด้วยปัสสาวะ จะตรวจเองหรือตรวจที่คลินิก หรือโรงพยาบาลควรต้องรอให้รอบเดือนขาดไปอย่างน้อยซัก 1 สัปดาห์ครับ วิธีที่สอง การตรวจทางเลือดของคุณ บางทีรอบเดือนยังไม่ขาดเพียงแค่สงสัยก็พอจะทราบโดยการตรวจทางเลือด คือตรวจทางระดับฮอร์โมน HCG ครับเพราะถ้าไม่ตั้งครรภ์ระดับ HCG จะอยู่ที่ 0-5 unit วิธีที่สาม คือการตรวจด้วยการดูอัลตร้าซาวนด์ทางช่องคลอด ซึ่งจะต้องรอให้รอบเดือนขาดไปแล้วอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ก็จะมองเห็นถุงน้ำคร่ำได้ แต่ถ้าจะให้เห็นทารก ก็ต้องรอให้รอบเดือนขาดไปอย่างน้อยสักสองสัปดาห์ครับ วิธีที่สี่ คือการคลำมดลูก ต้องรอให้ท้องอย่างน้อยสองเดือนครึ่งครับจึงจะคลำมดลูกทางท้องให้ครับ ส่วนปัญหาส่วนปัญหาที่ว่ามาป่วยตอนตั้งครรภ์อ่อนๆ แล้วทำการรักษาจะด้วยการทานยาหรืออย่างอื่นจะทำให้แท้งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับยาที่รับประทาน และกับโรคที่ป่วยว่าเป็นโรคอะไรครับ

“ประจำเดือนมาครั้งสุดท้ายวันที่ 22/03/50 หมด 26/03/50 หลังจากนั้นมีเพศสัมพันธ์วันที่ 31/03/50 และ 08/04/50 ตอนนั้นประจำเดือนไม่มาแล้ว 46 วัน (รอบประจำเดือน 35 วัน) ตรวจแบบซื้อที่ตรวจมาตรวจก็ไม่เจอ แบบนี้มีโอกาสท้องอยู่หรือเปล่าคะคุณหมอ เพราะวันที่ตรวจกันเองคือวันที่ 53 ของการที่ประจำเดือนไม่มาแล้วค่ะ”

ตอบ จากการตรวจหลายครั้งทั้งตัวคุณเองและคลินิก รวมทั้งโรงพยาบาล ผมเชื่อว่าคุณมีโอกาสท้องน้อยมากครับหรือพูดง่ายๆ ว่าไม่ท้องนั่นเองแหละ เข้าใจว่าการทำงานของรังไข่ของคุณไม่ค่อยจะปรกตินัก รวมทั้งคุณมีความกังวลในเรื่องของการที่จะตั้งครรภ์หรือไม่ตั้งครรภ์ ก็เลยทำให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนไปได้โดยที่คุณไม่ท้องครับ เชื่อแพทย์ที่ตรวจว่าคุณไม่ตั้งครรภ์จริงๆ รอบเดือนก็จะกลับมาได้เองครับครับ

“สวัสดีค่ะคุณหมอ ดิฉันเพิ่งทราบว่าตั้งครรภ์ได้ 7 สัปดาห์แล้ว ก่อนหน้านี้ได้รับประทานยาเข้าไปหลายชนิด เช่น ยาลดคอเลสเตอรอล ยาควบคุมน้ำหนัก และยาแก้หวัด แต่พอทราบว่าตั้งครรภ์ก็เลิกทานยาทุกชนิดดิฉันอย่างเรียนถามว่ายาที่รับประทานไปก่อนหน้านี้จะมีผลถึงลูกไหมคะ กลุ้มใจมากๆ เลย กลัวลูกจะผิดปรกติ รบกวนคุณหมอด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ”

ตอบ คุณรับประทานเข้าไปหลายอย่างเช่นยาลดไขมัน ยาควบคุมน้ำหนักคือยาลดความอ้วนนั่นเอง รวมทั้งยาแก้หวัดด้วย แต่ก็โชคดีที่หยุดเมื่อทราบว่าตั้งครรภ์ เพราะยาทั้งหลายที่กล่าวมาข้างต้นนั้น มีผลกับการตั้งครรภ์ได้ ถ้าหากยังทานต่อไป เช่น ยาประเภทลดคอเลสเตอรอลก็อาจจะทำให้ระดับไขมันของทารกในครรภ์ผิดปกติไปได้ เด็กก็จะเติบโตไม่ดีเป็นต้น ดังนั้นยาทั้งหลายแหล่รวมทั้งยาแก้หวัดก็ไม่ควรรับประทานในขณะตั้งครรภ์โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์

อย่างไรก็ตาม ก็มีอยู่ทฤษฎีหนึ่งหนึ่งคือทฤษฎี “All or None” คือถ้าเกิดผลกับเด็ก ก็จะรุนแรงไปเลย แต่ถ้าไม่เกิดผลกับเด็ก เด็กก็จะไม่พิการ นั่นหมายความว่า ถ้าหากยานั้นมีผลกับทารกก็อาจจะไม่เกิดเป็นตัวเป็นต้นขึ้นมา คือเกิดเป็นครรภ์ไข่ฝ่อ แต่ถ้าไข่ไม่ฝ่อคือมีตัวเด็กเกิดขึ้นมา เด็กก็ไม่น่าจะเป็นอะไร นั่นหมายความว่าถ้าหากคุณรับประทานยาเข้าไปในตอนที่ยังไม่ทราบว่าตั้งหรือไม่ ก็รอดูได้ครับ อย่างไรก็ตามกรณีของคุณที่หยุดยาทันทีในขณะที่ทราบว่าตั้งครรภ์ ถ้าหากคุณเห็นตัวทารก จากการดูด้วยอัลตราซาวนด์ ผมเชื่อว่าลูกคุณไม่น่าจะมีอะไรผิดปกติ เพราะคุณรับประทานยาที่มีแต่ข้อห้ามว่าไม่ควรทานตอนตั้งครรภ์ ไม่เหมือนยาบางตัวที่ต้องหยุดทานก่อนเป็นเดือนจึงจะปล่อยให้ตั้งครรภ์ได้ ยารักษาสิวเป็นต้น

“มีอะไรพะอืดพะอม เวียนหัวมาก เจ็บคัดหน้าอก แต่ยังไม่ถึงเวลาที่ประจำเดือนมา เลยยังไม่กล้าตรวจ อีกประมาณ 5 วันจะถึงกำหนดค่ะแต่อาการโดยรวมไม่ค่อยดี เพราะว่าเวียนหัว จะอาเจียนหนักๆ ตอนช่วงเช้ากับช่วงเย็นค่ะ แล้วเวลาปัสสาวะสังเกตว่ามีตกขาวปนออกมากับฉี่เยอะมากและเวลาลุกขึ้นนั่งจะเสียดท้องน้อย และเจ็บจี๊ดเล็กๆ เป็นบางครั้งที่บริเวณท้องประจำเดือนนะคะ แล้วรู้สึกหัวกับหน้ามันจะผิดปกติ”

ตอบ อาการของคนท้องที่ผมได้ยินบ่อยๆ ในช่วงตั้งครรภ์อ่อนๆ เช่น คลื่นไส้อาเจียน เต้านมคัด ปัสสาวะบ่อยปวดเสียดท้องน้อย ท้องผูก เป็นต้น ซึ่งคุณมีอาการเหล่านี้เพราะเรื่องท้องผูกที่ไม่ได้บอกไป จึงบอกได้ว่าอาจจะเกิดตั้งครรภ์แล้วก็ได้ แม้ว่ารอบเดือนจะยังไม่มาก็ตาม อย่างไรก็ดี อาการดังกล่าวอาจเป็นอาการที่เกิดขึ้นก่อนจะมีรอบเดือนก็ได้ไม่ว่าจะเป็นคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศรีษะ ปวดศรีษะ คัดหน้าอก ปวดท้องน้อย แต่อาการ ปัสสาวะบ่อย เพราท้องผูก มักจะไม่เกี่ยว

จึงสรุปได้ว่า อาจจะตั้งครรภ์ได้ ทางที่ดี ควรไปเจาะเลือดตรวจระดับ HCG ก็จะทราบเลยครับ